วันพุธที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2551

บทคัดย่อ : การใช้คำและภาพสะท้อนวิถีชีวิตจากบทเพลงไทยลูกทุ่งของ พี สะเดิด




พลาธิป เกียรติวรรธนะ ๒๕๕๑ : การใช้ถ้อยคำและภาพสะท้อนวิถีชีวิตจากบทเพลงไทยลูกทุ่งของ
พี สะเดิด
ปริญญาครุศาสตรบัณฑิต
สาขาวิชาภาษาไทย อาจารย์ที่ปรึกษา :
อาจารย์วงเดือน คัยนันทน์. ๗๐ หน้า

ปริญญานิพนธ์นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการใช้ถ้อยคำและภาพสะท้อนวิถีชีวิตจากบท
เพลงไทยลูกทุ่งของ พี สะเดิด ประกอบด้วยการใช้ถ้อยคำที่สื่ออารมณ์ การใช้คำภาษาถิ่น การใช้คำภาษาต่างประเทศ การใช้คำเลียนเสียงธรรมชาติ การใช้คำเลียนเสียงพูด การใช้คำย่อและ
คำตัด และการศึกษาเนื้อหาที่สะท้อนภาพวิถีชีวิตของชาวชนบท

บทเพลงไทยลูกทุ่งของพี สะเดิด มีเนื้อสะท้อนเรื่องราวเกี่ยวกับวิถีชีวิตของคนในชนบท ไม่ว่าจะเป็นด้านสังคมของชาวชนบท การทำมาหากิน การดำรงชีวิต บางส่วนก็จะสะท้อนให้เห็นวัฒนธรรมและสังคมไทยในปัจจุบัน คือ ค่านิยมการศึกษา ความกตัญญูรู้คุณ ตลอดจนประเพณีต่างๆ

จากภาพรวมการศึกษาเรื่อง การใช้ถ้อยคำและภาพสะท้อนวิถีชีวิตจากบทเพลงไทยลูกทุ่ง
ของ พี สะเดิด จะเห็นได้ว่าเพลงไทยลูกทุ่งของ พี สะเดิด ใช้ถ้อยคำที่สื่ออารมณ์ของมนุษย์ทุกด้านอย่างชัดเจน ทั้งอารมณ์โศกเศร้า เสียใจ อาลัยอาวรณ์ ประชดประชัน เสียดสี เมื่อไม่สมหวังในความรัก อารมณ์รักสดชื่นเมื่อมีรักเป็นกำลังใจ เนื่องจากเนื้อหาของเพลงนั้น ได้ถ่ายทอดอารมณ์ต่างๆ เป็นบทเพลงให้ผู้ฟังรู้สึกสะเทือนอารมณ์ตามเพลง และเกิดจินตภาพ ตามเนื้อหาของบทเพลง อีกทั้งเนื้อหาของเพลงสามารถสะท้อนลักษณะเด่น ที่สะท้อนความเป็นชนบท มีลักษณะที่เกี่ยวกับความรักและความผิดหวัง การรอคอยคนรัก สร้างสรรค์และสะท้อนสังคม




ขอขอบคุณพื้นที่บล็อก ปิยมิตรรสสุคนธ์ สุริวงค์ ที่ให้ใช้พื้นที่ในการเผยแพร่บทคัดย่องานวิจัย ขอบคุณครับ

เนื้อหาแนวคิดและโวหารภาพพจน์ที่ปรากฏในบทเพลงไทยลูกทุ่งของหนู มิเตอร์
















บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มุ่งศึกษาเนื้อหาแนวคิดและโวหารภาพพจน์ที่ปรากฏในบทเพลงไทยลูกทุ่งของหนู มิเตอร์ข้อมูลสำหรับการวิจัยเรื่องนี้คือ บทเพลงไทยลูกทุ่งของหนู มิเตอร์ ที่อยู่ในช่วงปีพ.ศ.๒๕๔๘-๒๕๕๑ โดยวิจัยเอกสารเนื้อเพลง จำนวน ๙๐ เพลง และนำเสนอผลการศึกษาค้นคว้าแบบพรรณนาวิเคราะห์ ผลการศึกษามีดังนี้ เนื้อหาที่ปรากฏในบทเพลงไทยลูกทุ่งของหนู มิเตอร์ มี ๔ แบบ ได้แก่ ๑) เนื้อหาเกี่ยวกับความรัก มีจำนวนมากที่สุด จัดเป็นความรักแบบต่างๆคือ ความรักระหว่างพ่อแม่-ลูกได้แก่ เนื้อหาความรักระหว่างพ่อแม่-ลูก เนื้อหาความรักที่ลูกมีต่อพ่อแม่ ๒)ความรักระหว่างหนุ่มสาวได้แก่ เนื้อหาความรักที่เฝ้าคิดถึงรอคอยและการมีความหวัง เนื้อหาความรักที่เสียสละ จริงใจ เนื้อหาเกี่ยวกับการแอบหลงรักและการชื่นชม เนื้อหาเกี่ยวกับความมั่นคงในความรัก เนื้อหาเกี่ยวกับความรักที่สมหวัง เนื้อหาความรักที่ไม่สมหวัง เนื้อหาที่แสดงความรักต่อครอบครัว และเนื้อหาความรักที่ให้กำลังใจ ตามลำดับ ๒) เนื้อหาเกี่ยวกับการให้กำลังใจ ได้แก่ การให้กำลังใจตนเอง และการให้กำลังใจผู้อื่นในการต่อสู้ชีวิต ๓) เนื้อหาที่เกี่ยวกับการต่อสู้ชีวิต มีเนื้อเหาเกี่ยวกับการต่อสู้ชีวิตของคนในชนบทที่เข้ามาศึกษาหรือมาหางานทำในเมือง ๔) เนื้อหาที่เกี่ยวกับธรรมชาติ มีเนื้อหาเกี่ยวกับการชื่นชมธรรมชาติ แนวคิด พบว่ามีการนำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับความรัก แนวคิดที่เกี่ยวกับความรักของพ่อแม่ที่มีต่อลูก แนวคิดเกี่ยวกับความรักของลูกที่มีต่อพ่อแม่ แนวคิดเกี่ยวกับความรักของหนุ่มสาว แนวคิดเกี่ยวกับความรักที่ให้กำลังใจ แนวคิดเกี่ยวกับความรักที่มีต่อครอบครัว และการนำเสนอแนวคิดในด้านการดำเนินชีวิตในสังคม เป็นการนำเสนอแนวคิดที่มีอยู่รอบตัว เช่น พ่อ แม่ คนรัก และการดำเนินชีวิตในสังคม การให้กำลังใจต่อตนเองและต่อผู้อื่นการใช้โวหารภาพจน์ พบว่า มีการโวหารเปรียบเทียบในหลายลักษณะ คือ อุปมา อุปลักษณ์ ปฏิปุจฉา บุคลาธิษฐาน อธิพจน์ และสัญลักษณ์ เพื่อให้ผู้ฟังเข้าถึงอารมณ์ความรู้สึกของบทเพลง ทำให้เกิดภาพในใจ เกิดจินตนาการ เกิดอารมณ์ความรู้สึก และทำให้มีความเข้าใจในเนื้อหาของบทเพลงได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

วันพุธที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2551







การรอคอย เป็นเรื่องที่ทรมานโดยเฉพาะ . . . การรอคอยที่ จะกลับมาพบกันหรือรอคอย ใครสักคน ที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันยิ่งรอ . . . ยิ่งเหมือนเข็มนาฬิกา เดินช้าเท่าตัว จากเวลาที่นานอยู่แล้ว ก็ดูเหมือนยิ่งนานกว่าเดิมและการดำเนินชีวิต ระหว่างการรอคอยนั้นก็มีตัวแปรมากมาย ที่จะทำให้คนเปลี่ยนไปอยู่ทุกขณะเพราะทุกคนมีพื้นฐานความเหงา และโดดเดี่ยวอยู่ในตัวเอง. . . พอๆ กับความอ่อนไหว แต่ก็เป็นโอกาสดี . . . ที่จะให้ระยะทาง เป็นเครื่องวัดความรู้สึกพิสูจน์ความแข็มแรง . . . ของความรักโดยวัดจากการกระทำ ความเสมอต้นเสมอปลายและความอดทนด้วยเงื่อนไข ของความลำบากแห่งกาลเวลาและตัดสินว่า . . . การรอคอยจะคุ้มค่าหรือไม่ กับการอยู่ห่างกัน ต่างคนต่างก็ต้องทำใจให้เข้มแข็ง กับอารมณ์ต่างๆ ที่คอยรบกวนและคอยชักจูง ออกนอกลู่นอกทางเพราะมันไม่ใช่เรื่องง่าย ที่วันหนึ่ง เราพบว่า . . . คนคนหนึ่ง คือ . . . คนที่ชีวิตเราตามหามาตลอดใครสักคน . . . ที่เป็นได้อย่างที่เราฝัน มันไม่ใช่เรื่องง่าย และคนที่จะฝ่าฝัน กับการบีบคั้นแห่ง การรอคอย . . . . . . กลับมาหาเราได้ ก็ไม่ใช่เรื่องธรรมดา เพราะฉะนั้น ย่อมหมายถึง . . .ความรู้สึกที่เขามีอยู่ . . . ก็คงไม่ได้ธรรมดาที่สามารถรอคอยได้อย่างไม่น่าเชื่อ . . .และเมื่อถึงเวลานั้น . . . สิ่งที่รอคอย ย่อมเกิดค่ามหาศาล ชีวิต . . . จึงจำเป็น ต้องรอคอยใครสักคนให้ได้หากว่าเป็นใครสักคน . . . ที่มีค่าแก่การรอคอย . . . แต่หากรอคอยแล้ว มีแต่ทำให้คุณเจ็บ และเจ็บก็สู้อย่ารอ . . . จะดีกว่า . . .










แม่คงสอนให้ลูกฉลาดไม่ได้ ลูกต้องเรียนรู้และฉลาดด้วยไหวพริบ และกึ๋นของลูกเอง
แม่อยากให้ลูกคิดและมองโลกในแง่ดี อย่าคิดว่าใต้ฟ้านี้มีแต่เรื่องทำไม่ได้ เป็นไม่ได้ หัดคิดให้เป็นบวกไว้แหละดี
แม่อยากให้ลูกหัดฝัน เมื่อไรลูกฝันเป็น ไม่ว่าจะเป็นใฝ่ฝัน หรือความฝัน ลูกจะรู้ว่าโลกนี้มันน่าอยู่เพียงไหน
แม่อยากให้ลูกพูดแต่เรื่องดี พูดแต่เรื่องสวยงาม จงเป็นคนสุดท้ายที่ให้ร้ายคนอื่น และจงเป็นคนแรก ที่ให้กำลังใจ และชื่นชม
แม่อยากให้ลูกทำเรื่องแปลกๆ ลูกไม่จำเป็นต้องเดินตามชีวิตประจำวันของใคร อย่าเก็บความคิดแปลก เพียงเพราะเห็นว่ามันไม่เหมือนใคร
แม่อยากสอนให้ลูกกล้าแดด กล้าฝน เพราะภายใต้ไออุ่นของดวงอาทิตย์ ลูกจะได้รับวิตามินดี และภายใต้ฟ้าที่มีฝน มันจะทำให้ลูกร้องไห้โดยไม่มีใครเห็นน้ำตา
แม่อยากสอนให้ลูกออกกำลังกายทุกวัน อย่างน้อยคนเราก็ต้องเคลื่อนไหวทะมัดทะแมง ลูกได้ออกแรงเสียบ้าง ลูกจะแข็งแกร่งไม่อ่อนแอ
แม่อยากให้ลูกยิ้ม และอยู่กับโลกด้วยความรัก ยิ้มอาจจะไม่ชนะทุกสิ่ง ยิ้มมากๆ อาจจะดูเหมือนคนบ้า แต่มันก็ดีกว่าหน้าบึ้งหน้างอเป็นไหนๆ
แม่อยากสอนให้ลูกรู้จักอดทน ลูกต้องเรียนรู้ว่าลูกไม่มีทางได้ทุกๆ อย่างที่ลูกหวังไว้ อดทนและอย่าได้เสียกำลังใจ อย่าท้อและขอให้เริ่มใหม่อย่างมีพลัง
แม่อยากสอนให้ลูกเขย่งขาขึ้นให้สูง ไม่มีอะไรที่สูงไปกว่าสองมือเราจะเอื้อมคว้า เพียงแค่ว่าเรายืนยันที่จะไม่ยืนอยู่กับที่
แม่อยากสอนให้เจ้ามีความสุข แต่อย่าลืมทุกข์ด้วยล่ะลูก คนที่ไม่เคยมีความทุกข์ เขาสุขจริงๆ ไม่เป็นหรอกเจ้าเอย
ไอคิวมันติดมาแต่บนฟ้าลูกจ๋า ไม่ฉลาดก็มีความสุขได้ไม่ต้องห่วง อย่าน้อยใจถ้าตามใครเขาไม่ทัน อย่าเสียขวัญถ้าเราช้ากว่าใครๆ อีคิวมันต้องหาเองบนโลกนี้ลูกเอ๋ย ไม่ฉลาดก็น่ารักและมีความสุขได้
"อย่ากลัวที่จะเปลี่ยนแปลงปรับปรุง ลูกมีกำลังใจเป็นถุงจากแม่ ไม่ต้องกลัว"







ไม่ทำตาม... อย่าตีความหมายว่า...ดื้อ ไม่ยึดถือ... อย่าตีความหมายว่า...เมินเฉย ไม่ใส่ใจ... อย่าตีความหมายว่า...ละเลย คำพูด..ที่ยังไม่เฉลย ก็ใช่ว่า..ไม่อยากเอ่ย..มันออกไป Never act like that... Don't translate it means...I'm stubborn. Never occupy... Don't translate it means...I'm loitering. Never attend... Don't translate it means...I'm neglectful. The words never say... Don't think that...I don't wanna say them. ------------------------------------------------------------------------ นิ่งเงียบ... อย่าตีความหมายว่า...ไม่คิด ยอมรับผิด... อย่าตีความหมาย...อย่างที่เห็น แม้ว่า... จะถูกโจมตี..ด้วยวาจา..ที่สาดกระเซ็น ก็ใช่ว่า..เจ็บไม่เป็น อย่างเช่น...คุณเข้าใจ Quiet... Don't translate it means...I don't think anything. Submissive... Don't translate it means such as your eyes can see. Even if.. Attacked by the violent words. Don't think that...I never hurt. Such as you understand. ------------------------------------------------------------------------ ไม่ถาม... อย่าตีความหมายว่า...โง่ ไม่ตอบโต้... อย่าตีความหมายว่า...ยอมแพ้ แม้ว่า... หลายคน..อาจจะมองดูว่า..อ่อนแอ แต่..ที่ปล่อยให้เป็นไป.. เพราะเห็นแก่..ใครบางคน Never ask any questions.. Don't translate it means...I'm stupid. Never react... Don't translate it means... I surrender. Even if... Everyone may think that...I'm weak. But I let it be... Because of someone's being there.

* * * สิ่งที่คุณเห็น...อาจไม่ใช่สิ่งที่คุณคิด...* * *










แต่ละคนเติบโตมาจากที่แตกต่าง . . . ยิ่งมาอยู่ใกล้กันมาก . . . ก็ยิ่งทำให้เห็นความแตกต่างกัน ของ "คน" สอง "คน"อาจมีหลายครั้ง . . . ที่เรารู้สึกขัดใจ ที่อีกคน ทำอย่างนั้น . . . อย่างนี้ หรือ พูดจาอะไร ที่เราไม่ค่อยพอใจแต่ด้วยความรักที่มีอยู่ และหวาดกลัวว่า . . . หากพูด หรือ ทำอะไรออกไปแล้ว . . . จะเกิดการกระทบกระทั่ง หรือทำให้เสียความรู้สึกกันไปเปล่าๆ จึงเก็บความอึดอัดใจ ไว้ ดีกว่าจนเผลอลืมไปว่า . . . ความรู้สึกที่ไม่ได้รับการผ่อนคลายนั้น จะถูกทับถม สะสมให้สูงขึ้น . . . เป็นความขุ่นเคือง ในอารมณ์ อยู่เสมอ และอาจถึงจุดที่ ไม่อาจทนได้ในสักวันการคบหาใครสักคนอย่างจริงจังนั้น เราต้องไม่ลืมไปว่า . . .คนๆ นั้น คือคนที่เราต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน . . . ตลอดไป อย่าให้ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง อดทน ขนาดนั้นเลย กล้าที่จะพูดในแง่ดี . . . แง่เสีย เพื่อที่อีกฝ่ายจะได้รับรู้ และปรับตัวเข้าหากัน เพื่อถนอมรักไว้ให้อยู่ด้วยกันนาน . . . นานเพราะไม่มีประโยชน์อะไรเลย... หากจะเก็บความรู้สึก เพื่อที่จะรักกันให้มากๆ ในวันนี้ แต่ไม่เคยยอมรับอะไรกันได้ และมีแต่ให้ความรักน้อยลงในวันต่อไป อย่า . . . ปล่อยให้ความขุ่นเคืองใจเล็กๆ กลายเป็นเรื่องใหญ่ กับแค่คน สองคน ที่ไม่ได้คุยกัน กล้าที่จะพูดคุยกัน ให้เข้าใจ และให้ทุกความคลางแคลงใจ จบลง . . ที่ตรงนั้นจะดีกว่า จริงไหม?










ฉันว่า . . . ฉันอยู่คนเดียวนะดีที่สุดไม่ต้องมีความทุกข์ใจ . . . ไม่ต้องห่วงใครหน้าไหนไม่ต้องคิด . . . ไม่ต้องแคร์ . . . ไม่ต้องดูแลใครไม่ต้องหนักใจ . . . ไม่ต้องคอยตามใครเป็นวันๆ ไม่ต้องมีใครมาทวงถาม เกี่ยวกับความรักไม่ต้องมีใครทึกทัก อยากร่วมฝันไม่ต้องถูกตามถามไถ่ ตามจิกว่า อยู่ไหนในแต่ละวันไม่ต้องมีใครสำคัญ . . . ไม่ต้องปันเวลาให้ใคร
ไม่ต้องมานั่ง . . . ร้องไห้เสียน้ำตาไม่ต้องกังวลว่า . . . เธอจะนอกใจวันไหนไม่ต้องแบ่งความรัก ที่ตัวเองมีให้คนอื่นไปไม่ต้อง ทำอะไรเพื่อใคร . . . ไม่ต้องมีใครมาหวังอะไรจากกัน
เพิ่งรู้ว่า . . . อิสระ มีเสนห์มากมาย ทำอะไรก็ได้ ไม่เว้นแต่ละวันไม่ต้อง คิดอะไรมากไปกว่านั้น แค่ให้แต่ละวันมีความสุขก็เป็นพอ . . .



ต่อหน้าคนที่รัก . . . หัวใจเราเต้นเร็ว ต่อหน้าคนที่ชอบ . . . เรารู้สึกมีความสุข
ถ้าเจอหน้าคนที่รัก . . . เราจะหน้าแดง ถ้าเจอหน้าคนที่ชอบ . . . เราจะยิ้มออก
ต่อหน้าคนที่รัก . . . เราไม่สามารถพูดทุกสิ่งในใจได้ ต่อหน้าคนที่ชอบ . . . เราทำได้
ต่อหน้าคนที่รัก . . . เราจะเขินอาย ต่อหน้าคนที่ชอบ . . . เราเปิดเผยความเป็นตัวเองได้
เราไม่สามารถสบตา . . . คนที่เรารักตรงๆ ได้ แต่เรายิ้มและสบตา . . . คนที่ชอบตรงๆ ได้
เมื่อคนที่รักร้องไห้ . . . เราจะร้องไห้ไปกับเขา แต่เมื่อคนที่ชอบร้องไห้ . . . เราจะปลอบเขา

ความรู้สึกรัก . . . เริ่มต้นจากดวงตา ความรู้สึกชอบ . . . เริ่มต้นที่หู
ฉะนั้นถ้าเราจะเลิกชอบคนที่ชอบ . . . ก็แค่ปิดหูเท่านั้นพอ แต่ถ้าพยายามจะปิดตา . . . รักจะกลายเป็นน้ำตา
และเมื่อเปิดตาขึ้นอีกครั้ง . . . เราก็จะได้รู้ว่า . . . สิ่งที่เสียไปคือคนที่เรารักมากที่สุด

วันพุธที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2551




อยากให้ทุกคน ได้อ่านบทความต่อไปนี้
ทุกวันนี้เรามีตึกสูงขึ้น มีถนนกว้างขึ้น แต่ความอดทนอดกลั้นกลับน้อยลง
เรามีบ้านใหญ่ขึ้น แต่ครอบครัวของเรากลับเล็กลง
เรามียาใหม่ๆมากขึ้น แต่สุขภาพกลับแย่ลง
เรามีความรักน้อยลง แต่มีความเกลียดมากขึ้น
เราไปถึงโลกพระจันทร์มาแล้ว แต่กลับพบว่า
แค่การข้ามถนนไปทักทายเพื่อนบ้านกลับยากเย็น.........
.........
........
เราพิชิตห้วงอวกาศมาแล้ว แต่แค่ห้วงหัวใจกลับไม่อาจสัมผัสถึง
เรามีรายได้สูง แต่ศีลธรรมกลับตกต่ำลง
ทุกวันนี้ทุกบ้านมีคนหารายได้ถึง 2 คน แต่การหย่าร้างกลับเพิ่มมากขึ้น
ดังนั้น.........จากนี้ไป.........ขอให้พวกเรา อย่าเก็บของดีๆไว้โดยอ้างว่าเพื่อโอกาสพิเศษ
เพราะทุกวันที่เรายังมีชีวิตอยู่ คือ โอกาสที่พิเศษที่สุด....แล้ว
.................
เราไม่รู้เลยว่าเมื่อไรมันจะสิ้นสุดลง......และเวลานี้......
ถ้าคุณคิดว่าคุณไม่มีเวลาที่จะ copy
ข้อความนี้ไปให้คนที่คุณรักอ่าน......
แล้วคิดว่า......สักวันหนึ่ง.....ค่อยส่ง...
จงอย่าลืมคิดว่า...สักวันหนึ่ง...วันนั้น
คุณอาจไม่มีโอกาสมานั่งตรงนี้เพื่อทำอย่างที่คุณต้องการอีกก็ได้
..................
จงแสวงหา การหยั่งรู้ จงนั่งตรงระเบียงบ้านเพื่อชื่นชมกับการมีชีวิตอยู่ โดยไม่ใส่ใจกับเรื่องไร้สาระต่าง ๆ จงใช้เวลากับครอบครัว เพื่อนฝูงคนที่รักให้มากขึ้นกินอาหารให้อร่อย ไปเที่ยวในที่ที่อยากจะไป ชีวิตคือโซ่ห่วงของนาทีแห่งความสุขไม่ใช่เพียงแค่การอยู่ให้รอด
^OoO^
^^เอาแก้วเจียระไนที่มีอยู่มาใช้เสีย น้ำหอมดี ๆ ที่ชอบ จงหยิบมาใช้เมื่ออยากจะใช้ เอาคำพูดที่ว่า.......สักวันหนึ่ง........ออกไปเสียจากพจนานุกรม บอกคนที่เรารักทุกคนว่าเรารักพวกเขาเหล่านั้นมากแค่ไหน อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง ที่จะทำอะไรก็ตามที่ทำให้เรามีความสุขเพิ่มขึ้น ทุกวัน ทุกชั่วโมง ทุกนาที มีความหมาย เพราะเราไม่รู้เลยว่ามันจะสิ้นสุดลงเมื่อไร
^..................^








อยากให้ทุกคน ได้อ่านบทความต่อไปนี้
ทุกวันนี้เรามีตึกสูงขึ้น มีถนนกว้างขึ้น แต่ความอดทนอดกลั้นกลับน้อยลง
เรามีบ้านใหญ่ขึ้น แต่ครอบครัวของเรากลับเล็กลง
เรามียาใหม่ๆมากขึ้น แต่สุขภาพกลับแย่ลง
เรามีความรักน้อยลง แต่มีความเกลียดมากขึ้น
เราไปถึงโลกพระจันทร์มาแล้ว แต่กลับพบว่า
แค่การข้ามถนนไปทักทายเพื่อนบ้านกลับยากเย็น.........
.........
........
เราพิชิตห้วงอวกาศมาแล้ว แต่แค่ห้วงหัวใจกลับไม่อาจสัมผัสถึง
เรามีรายได้สูง แต่ศีลธรรมกลับตกต่ำลง
ทุกวันนี้ทุกบ้านมีคนหารายได้ถึง 2 คน แต่การหย่าร้างกลับเพิ่มมากขึ้น
ดังนั้น.........จากนี้ไป.........ขอให้พวกเรา อย่าเก็บของดีๆไว้โดยอ้างว่าเพื่อโอกาสพิเศษ
เพราะทุกวันที่เรายังมีชีวิตอยู่ คือ โอกาสที่พิเศษที่สุด....แล้ว
.................
เราไม่รู้เลยว่าเมื่อไรมันจะสิ้นสุดลง......และเวลานี้......
ถ้าคุณคิดว่าคุณไม่มีเวลาที่จะ copy
ข้อความนี้ไปให้คนที่คุณรักอ่าน......
แล้วคิดว่า......สักวันหนึ่ง.....ค่อยส่ง...
จงอย่าลืมคิดว่า...สักวันหนึ่ง...วันนั้น
คุณอาจไม่มีโอกาสมานั่งตรงนี้เพื่อทำอย่างที่คุณต้องการอีกก็ได้
..................
จงแสวงหา การหยั่งรู้ จงนั่งตรงระเบียงบ้านเพื่อชื่นชมกับการมีชีวิตอยู่ โดยไม่ใส่ใจกับเรื่องไร้สาระต่าง ๆ จงใช้เวลากับครอบครัว เพื่อนฝูงคนที่รักให้มากขึ้นกินอาหารให้อร่อย ไปเที่ยวในที่ที่อยากจะไป ชีวิตคือโซ่ห่วงของนาทีแห่งความสุขไม่ใช่เพียงแค่การอยู่ให้รอด
^OoO^
^^เอาแก้วเจียระไนที่มีอยู่มาใช้เสีย น้ำหอมดี ๆ ที่ชอบ จงหยิบมาใช้เมื่ออยากจะใช้ เอาคำพูดที่ว่า.......สักวันหนึ่ง........ออกไปเสียจากพจนานุกรม บอกคนที่เรารักทุกคนว่าเรารักพวกเขาเหล่านั้นมากแค่ไหน อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง ที่จะทำอะไรก็ตามที่ทำให้เรามีความสุขเพิ่มขึ้น ทุกวัน ทุกชั่วโมง ทุกนาที มีความหมาย เพราะเราไม่รู้เลยว่ามันจะสิ้นสุดลงเมื่อไร
^..................^

น่ารัก





ยินดีต้อนรับเพื่อนๆที่น่ารักทุกคน มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์